การฟื้นฟูการเคลื่อนไหวหลังจากกระดูกหัก : การดูแลและการฟื้นฟูที่ถูกวิธี

การฟื้นฟูการเคลื่อนไหวหลังจากกระดูกหักเป็นกระบวนการที่สำคัญมากในการกลับมาทำกิจกรรมประจำวันได้ตามปกติ กระดูกหักไม่เพียงแต่ส่งผลกระทบต่อการเคลื่อนไหวของร่างกาย แต่ยังส่งผลต่อความมั่นใจในการใช้ชีวิตประจำวันด้วย การฟื้นฟูที่ถูกวิธีจะช่วยให้การเคลื่อนไหวกลับมาเป็นปกติ ลดความเจ็บปวด และป้องกันการเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อาจตามมา เช่น การเคลื่อนไหวที่ผิดท่าหรือการบาดเจ็บซ้ำ

ในบทความนี้ เราจะพูดถึง กระบวนการฟื้นฟูการเคลื่อนไหวหลังจากกระดูกหัก การดูแลกระดูกหลังการรักษา และ วิธีการฟื้นฟูที่ถูกต้อง เพื่อให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติและปลอดภัย


1. การฟื้นฟูหลังการรักษากระดูกหัก

การฟื้นฟูการเคลื่อนไหวหลังจากกระดูกหักเริ่มต้นด้วยการดูแลกระดูกหลังจากการรักษา เช่น การพยาบาลหลังการผ่าตัดหรือการใส่เฝือก โดยการฟื้นฟูจะแบ่งออกเป็นสองช่วงใหญ่ คือ ช่วงการรักษา และ ช่วงการฟื้นฟูการเคลื่อนไหว:

ช่วงการรักษากระดูก

  • การใส่เฝือกหรือการผ่าตัด: เมื่อกระดูกหักจะมีการใช้วิธีรักษาด้วยการใส่เฝือก หรือการผ่าตัด (ในกรณีที่กระดูกหักรุนแรง) เพื่อให้กระดูกยึดติดกันอย่างถูกต้อง

  • การพักและไม่เคลื่อนไหว: ในช่วงนี้ จำเป็นต้องให้กระดูกที่หักได้มีโอกาสฟื้นฟูและยึดติดกัน โดยที่ไม่ให้เกิดการเคลื่อนไหวที่เกินไป

  • การใช้ยา: การใช้ยาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดหรือป้องกันการติดเชื้อหลังการผ่าตัดเป็นสิ่งสำคัญในช่วงแรก

ช่วงการฟื้นฟูการเคลื่อนไหว

  • การเริ่มต้นฟื้นฟู: เมื่อกระดูกเริ่มยึดติดกันและหมอให้อนุญาตให้เริ่มการเคลื่อนไหวได้ การเริ่มต้นจะเป็นการเคลื่อนไหวอย่างเบาๆ เช่น การยืดเหยียดเบาๆ หรือการเคลื่อนไหวในลักษณะที่ไม่ส่งผลกระทบกับกระดูก

  • การทำกายภาพบำบัด: หลังจากกระดูกหายดี การทำกายภาพบำบัดจะช่วยฟื้นฟูความยืดหยุ่น ความแข็งแรง และการเคลื่อนไหวของข้อต่อที่ได้รับบาดเจ็บ

  • การออกกำลังกาย: เมื่อกระดูกเริ่มฟื้นตัว การเริ่มการออกกำลังกายที่เหมาะสมจะช่วยให้การเคลื่อนไหวกลับคืนสู่สภาวะปกติ


2. การดูแลกระดูกหลังการรักษา

การดูแลกระดูกที่หักหลังจากการรักษามีความสำคัญต่อการฟื้นฟูที่รวดเร็วและลดความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อน

การรับประทานอาหารที่เหมาะสม

  • แคลเซียมและวิตามินดี: อาหารที่อุดมไปด้วยแคลเซียมและวิตามินดี เช่น นม, ปลาทะเล, ผักใบเขียว และแหล่งวิตามินดีจากแสงแดด จะช่วยเสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง

  • โปรตีน: การทานโปรตีนในปริมาณที่เหมาะสมช่วยในการฟื้นฟูกล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อหลังการบาดเจ็บ

  • อาหารเสริม: หากจำเป็น การรับประทานอาหารเสริมที่มีแคลเซียมและวิตามินดี หรือผลิตภัณฑ์อื่นๆ ที่ช่วยในการฟื้นฟูกระดูก เช่น คอลลาเจน ก็สามารถช่วยได้

การพักผ่อนและการลดน้ำหนักเกิน

  • การพักผ่อนที่เพียงพอ: การพักผ่อนช่วยให้กระดูกได้รับการฟื้นฟูและลดความเครียดจากการใช้งาน

  • การลดน้ำหนัก: ในกรณีที่มีน้ำหนักเกิน ควรลดน้ำหนักเพื่อหลีกเลี่ยงการเพิ่มภาระให้กับกระดูกที่ยังฟื้นฟูไม่สมบูรณ์


3. วิธีฟื้นฟูที่ถูกต้องและการทำกายภาพบำบัด

การฟื้นฟูหลังการหักกระดูกต้องทำอย่างค่อยเป็นค่อยไปเพื่อไม่ให้เกิดการบาดเจ็บซ้ำหรือล่าช้าจากการฟื้นตัว

การเริ่มต้นการเคลื่อนไหว

  • การยืดเหยียดเบาๆ: หลังจากที่กระดูกหายดีในระดับหนึ่ง การเริ่มยืดเหยียดเบาๆ จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและเพิ่มความยืดหยุ่นให้กับข้อต่อที่ได้รับผลกระทบ

  • การเคลื่อนไหวแบบเบา: การทำกิจกรรมที่ไม่ส่งแรงกระแทกหรือไม่หนักเกินไป เช่น เดินเบาๆ หรือขี่จักรยานจะช่วยให้ข้อต่อเคลื่อนไหวได้ดีขึ้น

การทำกายภาพบำบัด

  • การฝึกกล้ามเนื้อ: การฝึกกล้ามเนื้อให้แข็งแรงเพื่อรองรับกระดูกที่ได้รับบาดเจ็บจะช่วยให้การฟื้นฟูการเคลื่อนไหวเป็นไปได้ดีขึ้น

  • การออกกำลังกายเสริม: การออกกำลังกายที่เสริมสร้างความแข็งแรงและการทรงตัว เช่น โยคะ หรือพิลาทิส สามารถช่วยในกระบวนการฟื้นฟูได้อย่างดี

การฝึกท่าทางที่ถูกต้อง

  • การปรับท่าทาง: การฝึกท่าทางที่ถูกต้องเพื่อป้องกันการบาดเจ็บซ้ำ เช่น การเดินให้ตรง การนั่งในท่าที่ถูกต้อง เป็นต้น


4. การติดตามผลหลังการฟื้นฟู

การติดตามผลและตรวจสุขภาพอย่างสม่ำเสมอเป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้แน่ใจว่า กระดูกฟื้นตัวดี และสามารถกลับมาใช้งานได้ตามปกติ

การตรวจสุขภาพจากสัตว์แพทย์หรือแพทย์

  • หลังจากผ่านกระบวนการฟื้นฟู ควรไปพบแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านการฟื้นฟูการเคลื่อนไหวเพื่อตรวจสุขภาพกระดูกและข้อต่ออย่างสม่ำเสมอ

  • หากพบปัญหาหรือข้อผิดปกติ ควรทำการรักษาและปรับเปลี่ยนวิธีการฟื้นฟูตามคำแนะนำของแพทย์


สรุป

การฟื้นฟูการเคลื่อนไหวหลังจากกระดูกหักเป็นกระบวนการที่ต้องใช้เวลาและความอดทน การดูแลกระดูกที่ถูกวิธีและการทำกายภาพบำบัดอย่างสม่ำเสมอเป็นส่วนสำคัญที่ช่วยให้กระดูกกลับมาฟื้นฟูได้อย่างเต็มที่ การให้ความสำคัญกับอาหารที่ดีต่อกระดูกและการรักษาความแข็งแรงของกล้ามเนื้อจะช่วยให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติและลดความเสี่ยงในการเกิดบาดเจ็บซ้ำได้