กระดูกเป็นโครงสร้างหลักที่ช่วยพยุงร่างกาย ปกป้องอวัยวะภายใน และทำหน้าที่ร่วมกับกล้ามเนื้อในการเคลื่อนไหว แต่เมื่ออายุมากขึ้น กระดูกมักเสื่อมสภาพตามวัย โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีพฤติกรรมเสี่ยง เช่น ขาดการออกกำลังกาย สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ หรือรับประทานอาหารไม่ครบถ้วน สิ่งเหล่านี้ล้วนทำให้กระดูกเปราะบางและเสี่ยงต่อโรค กระดูกพรุน (Osteoporosis) หรือกระดูกหักได้ง่าย
การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ควบคู่กับการเสริมอาหารและอาหารเสริมที่เหมาะสม จึงเป็นปัจจัยสำคัญในการดูแลสุขภาพกระดูกให้อยู่กับเราไปได้ยาวนาน
เป็นแร่ธาตุหลักที่ใช้ในการสร้างและคงสภาพความแข็งแรงของกระดูก
ความต้องการต่อวัน:
ผู้ใหญ่ทั่วไป 800–1,000 มิลลิกรัม
ผู้สูงอายุและหญิงวัยหมดประจำเดือน 1,200 มิลลิกรัม
แหล่งอาหาร: นม โยเกิร์ต ชีส ปลาตัวเล็กที่กินได้ทั้งกระดูก งา เต้าหู้
ช่วยดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่ร่างกาย
แหล่งอาหาร: ปลาทะเลไขมันสูง ไข่แดง ตับ รวมถึงแสงแดดอ่อน ๆ ในช่วงเช้า
ผู้ที่ขาดวิตามินดี มักมีปัญหากระดูกพรุน กระดูกอ่อน และปวดกระดูก
มีบทบาทในการสร้างกระดูกและช่วยให้วิตามินดีทำงานได้ดีขึ้น
แหล่งอาหาร: ถั่ว ธัญพืชเต็มเมล็ด ผักใบเขียว
ทำงานร่วมกับแคลเซียมในการสร้างกระดูก
แหล่งอาหาร: เนื้อสัตว์ ปลา ไข่ ถั่ว
มีส่วนช่วยกระบวนการสร้างโปรตีนในกระดูกและป้องกันกระดูกพรุน
แหล่งอาหาร: ผักใบเขียวเข้ม เช่น คะน้า ผักโขม บรอกโคลี
แม้การรับสารอาหารจากธรรมชาติจะดีที่สุด แต่ในบางกรณีร่างกายอาจได้รับไม่เพียงพอ เช่น ผู้ที่แพ้นม ผู้สูงอายุ หรือผู้ที่รับประทานอาหารไม่ครบหมู่ ดังนั้น “อาหารเสริม” จึงเข้ามามีบทบาท
มีหลายรูปแบบ เช่น แคลเซียมคาร์บอเนต (Calcium Carbonate) และ แคลเซียมซิเตรต (Calcium Citrate)
ควรรับประทานพร้อมอาหารเพื่อเพิ่มการดูดซึม
ปริมาณที่เหมาะสมขึ้นกับคำแนะนำของแพทย์
มักอยู่ในรูปแบบ วิตามินดี3 (Cholecalciferol) ซึ่งดูดซึมได้ดี
ผู้ที่อยู่ในที่ร่ม ไม่ค่อยโดนแดด หรือผู้สูงอายุ มักต้องการเสริมวิตามินดี
การเสริมพร้อมกันหลายชนิดช่วยให้เกิดการทำงานร่วมกันได้ดียิ่งขึ้น
มีงานวิจัยสนับสนุนว่า ช่วยเสริมสุขภาพข้อต่อ ลดอาการเสื่อมและการอักเสบ
ผู้สูงอายุ : กระดูกเสื่อมตามวัย การดูดซึมแคลเซียมลดลง
หญิงวัยหมดประจำเดือน : ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ทำให้ความหนาแน่นกระดูกลดลงอย่างรวดเร็ว
ผู้ที่ดื่มกาแฟ แอลกอฮอล์ หรือสูบบุหรี่เป็นประจำ : สิ่งเหล่านี้เร่งการสลายตัวของกระดูก
ผู้ที่ไม่ค่อยออกกำลังกาย : ขาดแรงกดบนกระดูก ทำให้มวลกระดูกลดลงเร็ว
รับประทานอาหารที่มี แคลเซียมและโปรตีนเพียงพอ
ออกกำลังกายแบบลงน้ำหนัก (Weight-bearing exercise) เช่น เดินเร็ว วิ่งเหยาะ ยกน้ำหนัก
โดนแดดอ่อน ๆ วันละ 10–15 นาที เพื่อกระตุ้นการสร้างวิตามินดี
หลีกเลี่ยงพฤติกรรมทำลายกระดูก เช่น การสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์มากเกินไป
ตรวจสุขภาพกระดูก (Bone Density Test) โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยง
การดูแลสุขภาพกระดูกไม่ใช่เรื่องไกลตัว เริ่มต้นได้จาก อาหารที่ดี + การเสริมสารอาหารที่จำเป็น + การใช้ชีวิตที่เหมาะสม โดยเฉพาะแคลเซียมและวิตามินดีที่เป็นหัวใจสำคัญ การเลือกอาหารเสริมควรทำภายใต้คำแนะนำของแพทย์หรือเภสัชกร เพื่อให้เหมาะสมกับร่างกายและป้องกันการได้รับสารอาหารเกินความจำเป็น
👉 เพราะ “กระดูก” คือทุนชีวิต หากเราใส่ใจตั้งแต่วันนี้ จะช่วยให้เคลื่อนไหวคล่องตัว มีคุณภาพชีวิตที่ดีไปจนถึงวัยชรา
แนะนำคลินิก www.sasipongclinic.com
©2023. sasipongclinic. All Rights Reserved.