ปวดข้อ ปวดหลังเรื้อรัง ควรพบแพทย์เมื่อไหร่? แนะนำบริการจากคลินิกกระดูก

อาการปวดข้อและปวดหลังเป็นปัญหาสุขภาพที่พบบ่อยในทุกช่วงวัย บางครั้งอาการปวดเหล่านี้อาจเกิดขึ้นชั่วคราวและหายไปเอง แต่ในบางกรณีอาจเป็นสัญญาณของปัญหากระดูก ข้อต่อ หรือกล้ามเนื้อที่ต้องได้รับการดูแลอย่างเหมาะสม การวินิจฉัยและรักษาอย่างถูกต้องจะช่วยให้คุณกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ บทความนี้จะช่วยคุณประเมินว่าเมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์ พร้อมแนะนำบริการจาก คลินิกกระดูกเฉพาะทางโดยหมอศศิพงษ์ – www.sasipongclinic.com


อาการปวดข้อและปวดหลังเรื้อรังเกิดจากอะไร?

อาการปวดข้อและปวดหลังเรื้อรังอาจเกิดจากหลายสาเหตุ ได้แก่:

  1. โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis) – พบมากในผู้สูงอายุ เกิดจากกระดูกอ่อนในข้อเสื่อมสภาพ ทำให้เกิดอาการปวดและข้อฝืด

  2. หมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท (Herniated Disc) – มักเกิดในวัยทำงานที่นั่งหรือยกของผิดท่า ส่งผลให้ปวดหลังและร้าวลงขา

  3. โรคกระดูกพรุน (Osteoporosis) – ทำให้กระดูกเปราะบางและแตกหักง่าย โดยไม่มีอาการชัดเจนจนกว่ากระดูกจะหัก

  4. โรครูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) – เป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองที่ทำให้ข้อต่ออักเสบเรื้อรัง และอาจทำให้ข้อผิดรูปได้

  5. กล้ามเนื้ออักเสบเรื้อรัง (Chronic Myofascial Pain Syndrome) – เกิดจากการใช้งานกล้ามเนื้อหนักเกินไป ทำให้เกิดจุดปวดเรื้อรัง


เมื่อไหร่ควรพบแพทย์กระดูก?

คุณควรเข้าพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกระดูกและข้อ หากมีอาการดังต่อไปนี้:

1. อาการปวดข้อหรือปวดหลังที่รุนแรงและต่อเนื่อง
  • หากมีอาการปวดต่อเนื่องนานเกิน 2-3 สัปดาห์ โดยไม่ดีขึ้นจากการพักผ่อนหรือทายาเอง

  • ปวดรุนแรงจนรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เดิน นั่ง หรือทำกิจกรรมทั่วไปลำบาก

2. ปวดร้าวลงแขนหรือขา
  • หากอาการปวดหลังหรือข้อส่งผลให้มีอาการชา อ่อนแรง หรือรู้สึกเสียวซ่าในแขนหรือขา อาจเป็นสัญญาณของโรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท

3. ปวดหลังหรือข้อร่วมกับอาการอื่น ๆ
  • มีอาการไข้ น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ หรืออาการอ่อนเพลียเรื้อรัง ซึ่งอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือโรคร้ายแรง

  • มีข้อบวม แดง และร้อน อาจเป็นข้ออักเสบติดเชื้อที่ต้องรักษาทันที

4. ปวดข้อและหลังจากอุบัติเหตุหรือกระแทกอย่างรุนแรง
  • หากคุณมีประวัติหกล้ม อุบัติเหตุทางรถยนต์ หรือได้รับแรงกระแทกอย่างรุนแรง และมีอาการปวดหลังหรือข้อ อาจมีภาวะกระดูกหักหรือร้าวที่ต้องตรวจวินิจฉัย

5. ปวดข้อและหลังที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหว
  • หากคุณเริ่มเคลื่อนไหวลำบาก ไม่สามารถงอข้อ ยืดข้อ หรือหมุนตัวได้เหมือนปกติ อาจเป็นสัญญาณของข้อเสื่อมหรือภาวะข้อยึดติด


บริการจากคลินิกกระดูกเฉพาะทางโดยหมอศศิพงษ์

หากคุณมีอาการปวดข้อหรือปวดหลังที่ต้องได้รับการดูแล คลินิกกระดูกเฉพาะทางโดยหมอศศิพงษ์ พร้อมให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาอาการเกี่ยวกับกระดูก ข้อ และกล้ามเนื้อ โดยมีบริการที่ครอบคลุม เช่น:

  • การตรวจวินิจฉัยทางกระดูกและข้อ – ด้วยเทคนิคการตรวจที่ทันสมัย

  • กายภาพบำบัดและฟื้นฟูสมรรถภาพ – สำหรับผู้ที่ต้องการบำบัดอาการปวดข้อและปวดหลัง

  • ฉีดยารักษาข้ออักเสบและกระดูกพรุน – สำหรับผู้ที่มีปัญหาข้อเสื่อมหรือภาวะกระดูกพรุน

  • การรักษาหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาท – โดยแพทย์เฉพาะทางด้านกระดูกและข้อ

  • คำแนะนำเรื่องพฤติกรรมการใช้ชีวิต – ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อป้องกันอาการปวดข้อและปวดหลังเรื้อรัง

สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมและนัดหมายเข้ารับบริการได้ที่ www.sasipongclinic.com


วิธีป้องกันอาการปวดข้อและปวดหลังเรื้อรัง

นอกจากการรักษาแล้ว การดูแลตัวเองในชีวิตประจำวันเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยป้องกันอาการปวดข้อและปวดหลังเรื้อรังได้ เช่น:

  1. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ – โดยเฉพาะการบริหารกล้ามเนื้อแกนกลางลำตัว และกล้ามเนื้อรอบข้อ

  2. นั่งและยืนในท่าทางที่ถูกต้อง – หลีกเลี่ยงการนั่งนานเกินไป หรือยืนผิดท่าเป็นเวลานาน

  3. ควบคุมน้ำหนัก – เพื่อลดแรงกดทับที่ข้อและหลัง

  4. หลีกเลี่ยงการยกของหนักผิดท่า – ใช้เทคนิคการยกของที่ถูกต้องเพื่อลดความเสี่ยงต่อหมอนรองกระดูกเสื่อม

  5. รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมและวิตามินดีเพียงพอ – เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูก


สรุป

อาการปวดข้อและปวดหลังเรื้อรังอาจเป็นสัญญาณของโรคกระดูกและข้อที่ต้องได้รับการดูแล หากมีอาการปวดที่รุนแรง ปวดร่วมกับอาการอื่น ๆ หรือปวดจนรบกวนการใช้ชีวิต ควรรีบพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับการรักษาที่เหมาะสม คลินิกกระดูกเฉพาะทางโดยหมอศศิพงษ์ – www.sasipongclinic.com พร้อมให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างครบวงจร เพื่อให้คุณกลับมามีสุขภาพที่ดีอีกครั้ง